บางทีเราก็อดคิดวางแผนไม่ได้ว่าเราจะให้ลูกๆเราไปเรียนต่อต่างประเทศเราจะต้องเริ่มจากตรงไหน แน่นอนคุณพ่อ คุณแม่ส่วนใหญ่ก็จะต้องเลือกประเทศที่คิดว่าดีที่สุด และปลอดภัยที่สุดสำหรับลูกน้อย
การเรียนต่อต่างประเทศในระดับมัธยมต้น-ปลาย โดยปรกติการจะส่งลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ เราควรคำนึงถึงการช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวันของลูกเราก่อน เช่นลูกๆ เราสามารถรับผิดชอบตัวเองได้บางส่วนแล้ว ซึ่งจากแระสบการณ์แนะแนวทางเรียนต่อต่างประเทศเป็นเวลา 18 ปี ปุ๊กขออนุญาติแนะนำว่า Year 6 เตรียมความพร้อมเพื่อไป Year 7 น่าจะเป็นอายุที่เหมาสมที่สุด หรือถ้าเทียบอายุก็ประมาณ 12 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวางแผนของแต่ละบ้านนะคะ
8 ข้อแนะนำสำหรับการวางแผนการเรียนต่อต่างประเทศ
1.กำนดอายุ หรือชั้นเรียนเพื่อวางแผนการเรียนต่อ เช่นวางแผนไว้ว่าลูกจะไปต่อที่ประเทศอะไร และไปเรียนต่อในระดับชั้นมัธยมต้นหรือปลาย Grade 6-8 หรือ Year 7-9 หรือไปเรียนต่อในระดับมอปลายดี Grade 9-12 หรือ Year 10 – 13 อยากให้ลูกจบแบบได้ใบประกาศนียบัติเลยมั้ย หรือ แค่เรียนเพื่อหาประสบการณ์สัก 1-2 ปี และมากลับมาต่อมหาลัยที่ไทยในภาคอินเตอร์ แน่นอนการวางแผนเหล่านี้ ต้องควบคู่ไปกับการวางแผนการเงินด้วยนะคะ
2.กำหนดงบประมาณการเรียน ต่อปี และต่อช่วงเวลาเรียน เช่น เรียนต่อแคนนาดา 3 ปีต้องใช้งบประมาณปีละ 780,000 ค่าอาหารและค่าเทอม ไม่รวมค่าเครื่องบิน อังกฤษ และอเมริกาในโรงเรียนเอกชนจะเริ่มที่ปีละ 1.5 ล้านบาท ค่าอาหารและค่าเทอม ไม่รวมค่าเครื่องบิน ในแต่ละประเทศจะมี school break ไม่เหมือนกันดังนั้น ต้องคำนวณค่าใช้จ่ายเรื่องตั๋วเครื่องบิน ในเด็กที่อายุ 12 ปีสามารถเดินทางกับสายการบิน โดยอยู่ในการดูแลของสายการบินตั้งแต่ check in และนำน้องมาส่งถึงผู้ปกครอง มีค่าใช้จ่ายเพิ่มไม่มาก เราเรียกบริการนี้ว่า accompany minor
ตัวอย่าง accompany minor ของการบินไทยนะคะ
ผู้โดยสารเด็กที่เดินทางโดยลำพัง อายุระหว่าง 5-11 ปี ผู้ปกครองจำเป็นที่จะต้องติดต่อสำนักงานบัตรโดยสารการบินไทย เพื่อขอรับบริการดูแลเด็ก
สำหรับผู้โดยสารเด็ก อายุระหว่าง 12-17 ปี สามารถเดินทางได้ด้วยตนเอง หรือสามารถเลือกรับบริการดูแลเด็กได้ ตามความประสงค์ ขอสงวนสิทธิ บริการเด็กเดินทางโดยลำพัง บนชั้นหนึ่ง และชั้นธุรกิจแก่เด็กที่อายุ 8 ปีขึ้นไป
อัตราค่าบริการ accompany minor ก็ไม่ได้สูงอย่างที่คิดเส้นทางต่างประเทศ เด็กที่ใช้บริการที่มีอายุระหว่าง 5-17 ปี จะคิดในราคาผู้ใหญ่ โดยอัตราค่าบริการคิดเป็น 60 ดอลล่าร์สหรัฐต่อเที่ยวบินเส้นทางในประเทศไทย เสียค่าบริการ 75% สำหรับอายุระหว่าง 5-11 ปี หากต้องการใช้บริการ
รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับaccompany minor ของการบินไทย
3.เลือกประเทศที่จะไปเรียน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ การเดินทาง นอกจากเราจะเลือกประเทศที่น่าอยู่ ระบบการศึกษา และปลีกย่อยอื่นๆ
การเดินทางคือ ปัจจัยต้นๆเลยทีเดียว เช่นต้องการให้ลูกไปเรียนแคนาดา ที่มี 2 เทอมเหมือนอเมริกา หรือในประเทศอังกฤษที่แบ่งให้มี 4 เทอม ซึ่งลูกๆ ของท่านต้องเดินทางกลับไทยในช่วงวันหยุดยาว หรือจะไปเยี่ยมลูกๆ แทนในส่วนนี้ต้องวางแผนให้ดี ชั่วโมงการบินไป vancouver Canada ประมาณ 13 ชม พอๆกับไปอังกฤษ ส่วน อเมริกานั้น เกือบ 2 เท่า ดังนั้นข้อนี้เราต้องคิดไปไกลพอสมควร ระยะทางการบินหรือ ชั่วโมงการยิน คือหนึ่งในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญ
4.การเลือกโรงเรียน นอกจากสถานที่ตั้งของโรงเรียน ความปลอดภัยของโรงเรียน สิ่งแวดล้อมโดยรอบแล้ว ยังต้องดูอีกได้ว่าโรงเรียนที่กิจกรรมเหมาะกับความชอบและถนัดของลูกด้วยหรือไม่
5.สิ่งแวดล้อมในเมืองที่ลูกเรียนก็มีความสำคัญ เนื่องจากหากเงียบมากๆแล้วลูกเราเป็นคนชอบ outgoing แบบนี้อาจจะไม่เหมาะ หรือสิ่งแวดล้อมมีกิจกรรมให้ทำมากมาย เช่น เดินป่า ตกปลา เล่นสกี แบบนี้ไม่เหงาแน่นอน
เราแทรกตรงนี้เพิ่มเติมนะคะ เรื่องการเลือกโรงเรียนให้ลูก
หากทางทางเราอยากจะแนะนำการไปเรียนแบบ J-1 ที่อเมริกา หรือว่าทุนแลกเปลี่ยน ซึ่งก็ไม่ถือว่าจะเป็นทุนซะทีเดียวเพราะต้องใช้เงินประมาณ 5-6 แสนบาท ต่อ 1 ปีการศึกษา ซึ่งเราไม่สามรถเลือกเมือง โรงเรียน หรือสิ่งแวดล้อมให้ลูกได้เลย แต่ลูกของเรามีโอกาสไปได้เพียงครั้งเดียว ในช่วงมัธยมปลายเท่านั้น (อายุ 15 ในวันเดินทางและไม่เกิน 18 ปี) เรากำลังจะชี้ให้เห็นว่า ในการส่งลูกไปเรียนเราควรจะต้องวางแผนให้ยาวขึ้น ต้องปรึกษาวางแผนตรงจุดนี้ดีๆ ไม่เช่นนั้นถ้าลูกของเราชอบและอยากเรียนต่อ เราต้องหาโรงเรียนเรียนประเภทเอกชน (F-1) ให้กับลูกอีก 1-2 ปี
6.การเลือกโรงเรียนเข้าในไทยการวางแผนตรงก็สำคัญ มีผู้ปกครองจำนวนมากที่ยังลังเลว่าจะไปนานาชาติเลย หรือ EP ก่อนดี ทั้งนี้เรามีคำแนะนำตามนี้นะคะ
7.การเลือก Agency เป็นสิ่งสำคัญมาก ลองนึกถึงว่า ขณะที่ลูกเรากำลังปิดเทอมแต่ด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่เราไปรับไม่ได้ Agency พี่ปุ๊กและทีม Echelon ต้องพร้อมปฎิบัติหน้าที่ทันที การดูแลนักเรียนเป็นงานที่เราทำตลอดมา ดูแลเหมือนลูกเหมือนหลาน ทีมงานพร้อมบริการตรงนี้มากๆ คุณพ่อคุณแม่อุ่นใจ และสบายใจได้นะคะ
8.สิ่งที่ต้องคำนึงเพิ่มเติมคือ แนะแนวด้านการทำ Portfolio หากเราวางแผนให้น้องๆเข้ามหาลัยดังๆ หรือมหาวิทยาลัยเฉพาะทางสาขาสร้างสรรค์ เช่นศิลปะ ดนตรี การออกแบบ การเขียน เหล่านี้เราต้องให้การสนับสนุนการทำ Portfolio ซึ่งเป็นการรวบรวมผลงานที่เราทำมา นำเอาความภาคภูมิใจลงมาใส่เพื่อให้ความสามารถของเราเป็นรูปธรรมแบบรายละเอียด
กิจกรรมต่างๆ รวมถึงกิจกรรมอาสาสามัคร สิ่งที่สำคัญของการใส่งานใน port ยิ่งทำสม่ำเสมอ แลพหลายหลายยิ่งดี เพราะแสดงถึงความใส่ใจ passion ลงรายละเอียด และ self motivation เพราะการทำ port ไม่มีใครบังคับเรา ทุกอย่างเปิด open ทั้งความคิดสร้างสรรค์ และแนวทางปฎิบัติจริง