การฝึกทำข้อสอบเสมือนจริง หรือเรียกง่ายๆ ว่า “จำลองสอบ” นั่นเอง หากน้องๆอยู่ในโรงเรียนหลักสูตรนานาชาติแต่ละโรงเรียนก็จะมีการนำข้อสอบ MOCK มาให้สอบ ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบ ไม่ว่าจะเป็น IGCSE, TGAT , TPAT และ A-Level เพื่อเข้าเข้ามหาวิทยาลัย
โดยการซ้อมทำข้อสอบที่คล้ายคลึงกับข้อสอบจริงมากที่สุด ภายในระยะเวลาเทียบเท่ากับที่สนามสอบกำหนด MOCK ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้สมัครได้รับประสบการณ์ในกระบวนการสอบ ตลอดจนระบุจุดอ่อนในความรู้และความเข้าใจที่ต้องปรับปรุงก่อนที่จะเข้าสอบอย่างเหมาะสม
จุดประสงค์ของการสอบ MOCK คือเพื่อประเมินความสามารถของตัวเองในเบื้องต้นและแก้ไขให้ตรงจุด ปรับปรุงให้ได้คะแนนที่สูงขึ้นในการทำข้อสอบจริง แปลว่า หากเราได้คะแนน MOCK ที่น้อย หมายถึง การสอบ ICGSE ก็อาจน้อยตามไปด้วย หากเราไม่ปรับปรุงในส่วนที่เรายังอ่อนอยู่ ดังนั้น ทุกครั้งที่เฉลย เราต้องนำกลับมาปรับปรุง แก้ไข พัฒนา ให้ตรงจุดมากขึ้น
ดังนั้นหวังว่าน้องๆจะนำข้อสอบที่เราทำไม่ได้ มาศึกษาทำความเข้าใจให้มากที่สุด เพื่อสอบครั้งหน้าจะได้เข้าใจในเนื้อหา แบบลึกซึ้งมากขึ้นนะคะ
การสอบ MOCK ไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นข้อสอบของแต่ละโรงเรียนหรือสถาบันนำมาหากในโรงเรียนก็แล้วแต่ฝ่ายวิชาการจัดมา ผิดกับการสอบจริง ตัวอย่างสอบ ICGSE ที่จัดขึ้นโดยมหาลัย Cambridge จะมีราคาค่าสอลวิชาละ ประมาณ 6,000-9,500 บาทต่อวิชา (แล้วแต่วิชา) คราวนี้คุณพ่อคุณแม่จะเข้าใจว่า เมื่อลูกๆบอกว่ามีสอบ MOCK แปลว่าอะไรนะคะ ^^
ค่าสมัครสอบ IGCSE
ค่าสมัครสอบโดยทั่วไปราคา 6,000-9,500 บาทต่อวิชา (แล้วแต่วิชา) ในกรณีที่สมัครสอบล่าช้ากว่ากำหนด ผู้สอบจะต้องชำระค่าลงทะเบียนล่าช้า (Late Entry) ด้วย (อ้างอิงจากราคาของ British Council)
สถานที่สอบ IGCSE
โรงเรียนนานาชาติระบบการศึกษาอังกฤษที่น้องๆ เรียนอยู่
ถ้าสมัครสอบกับ British Council ให้ติดตามประกาศจากทาง British Council อีกครั้ง ทั้งนี้ปัจจุบันใช้สนามสอบที่ชั้น 8 อาคารเวฟเพลส ถนนเพลินจิต
ถ้าสมัครสอบกับ Harrow International School สอบที่ Harrow International School
สำหรับการสอบ IGCSE นั้น ต้องเลือกสอบจำนวน 5 วิชา เพื่อให้ได้ IGCSE Certificate โดย IGCSE มีให้เลือกมากกว่า 70 วิชา และสอบได้สูงสุดถึง 15 วิชา น้องๆสามารถเลือกสอบได้ตาม passion ความชอบ ความถนัดและความสามารถ
ซึ่งเนื้อหาการสอบในแต่ละวิชาก็จะมีระดับความยากง่ายต่างกัน ทำให้การสอบ IGCSE นั้นมี 2 ระดับ ดังนี้
IGCSE จะแบ่งออก 2 ระดับ ประกอบไปด้วย
- Core (การสอบพื้นฐาน) จะใช้เวลาและจำนวนข้อน้อยกว่า ถือเป็นการวัดมาตรฐานอย่างง่าย ซึ่งเกรดที่ได้จะอยู่เพียง C, D, E, F, G เท่านั้น
- Extended (การสอบขั้นสูง) กรณีสอบระดับนี้ผู้สอบจะได้เกรดสูงกว่าการสอบ Core แบ่งออกเป็น A*, A, B, C, D, E, F, G
ในส่วนของรายวิชาที่ใช้สอบมีมากกว่า 70 วิชาเลยทีเดียว
แต่สามารถแยกออกได้เป็น 6 กลุ่มหลัก
ซึ่งตรงนี้สามารถเลือกตามแนวทางที่ตนเองสนใจเพื่อโอกาสทำคะแนนให้สูงตามเป้าหมายที่คาดหวังเอาไว้ หรือบางคณะ บางมหาวิทยาลัยที่จะเข้าเรียนก็มีการกำหนดมาชัดเจนว่าต้องสอบวิชาใดบ้างนั่นเอง
- กลุ่มวิชาทักษะภาษาอังกฤษ English Language and Literature มีให้เลือกกว่า 12 subject
- กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ (Sciences) เช่น Agriculture, Biology, Environmental Management,Marine Scienceม Chemistry, Physics, Physics Science – Combined เป็นต้น
- กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ (Mathematics) เช่น Mathematics, Cambridge International Mathematics, Additional Mathematics เป็นต้น
- กลุ่มวิชาทักษะวิชาชีพ (Creative and Professional) เช่น Accounting, Business Studies, Enterprise, Physical Education, Drama, Music, Art and Design, Design & Technology, Information & Communication, Computer Science, Food & Nutrition เป็นต้น
- กลุ่มวิชาภาษาศาสตร์ (Language) เช่น Thai, English (First or Second Language), Chinese, Japanese, Indonesian, Russian, Italian, Korean, Arabic, Turkish, German, Greek, Spanish, French, Hindi เป็นต้น
- กลุ่มวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (Humanities and Social Sciences) เช่น Economics, Sociology, Geography, Religious Studies, History, Business Studies, Travel and Tourism เป็นต้น
ซึ่งการติดสอบ ICGSE มีหลายสถาบันมากๆ รวมถึงสามารถเข้าไปเรียนรู้ด้วยตัวเองที่ https://www.savemyexams.com/ มีทั้งแบบฟรี และรายเดือน มี pass paper ไปลองทำ